รีวิวเกม Honkai: Star Rail สวัสดีทุกท่านและยินดีต้อนรับเข้าสู่การรีวิวเกม Honkai: Star Rail ซึ่งเป็นเกมสวมบทบาทแนวผจญภัย ที่พัฒนาโดย COGNOSPHERE PTE. LTD. และแม้ตัวเกมจะยังไม่รองรับการเล่นรูปแบบภาษาไทย แต่ก็ยังมีหลากหลายภาษาให้ได้เพลิดเพลินกันเช่น ภาษาอังกฤษ จีนทั้งตัวเต็มและตัวย่อ ฝรั่งเศสและเกาหลีเป็นต้น และวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 26/04/66 โดยสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีแล้วที่ Epic
โดยวันนี่ผมจะพาทุกท่านเดินทางผ่านมหาสมุทรแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ในอดีตของตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอนิเมะ สู่สนามดาวเคราะห์น้อยแห่งการต่อสู้แบบผลัดกันเล่น พร้อมเนบิวลาดนตรีต้นฉบับสู่โลกแห่งเรื่องราวที่มีอยู่ในจักรวาลแห่งกลไกกาชา
และตัวเกมที่ผมกำลังจะรีวิวนี้เป็นเกมใหม่ล่าสุดโดย Hoyoverse ผู้สร้าง Honkai Impact 3rd และ Genshin Impact และนี้ถือเป็นจักรวาลใหม่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับว่าหลังจากที่ผมเล่นเกมนี้แล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง
เนื้อเรื่อง
หลักการในเนื้อเรื่องของ Honkai Star Rail นั้นเรียบง่ายมาก โดยคุณจะได้สวมบทบาทเป็น ผู้บุกเบิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม The Nameless และงานของ The Nameless คือการท่องไปในจักรวาลและมีส่วนร่วมในการผจญภัยต่างๆ ซึ่งระหว่างทางพวกเขาจะพบกับดาวเคราะห์หรือสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือดังนั้นหน้าที่ของพวกเขาคือการช่วยเหลือและผจญภัยไปเรื่อยๆ
แต่หากจะพูดแบบนั้นก็อาจจะฟังดูง่ายและน่าเบื่อเกินไป Honkai Star Rail มีอะไรมากกว่านั้น เนื่องจากคุณไม่ใช่เทรลเบลเซอร์ธรรมดา ในตัวคุณมี Stellaron ซึ่งเป็นวัตถุที่มีชื่อเล่นว่า Cancer of All Worlds แต่สิ่งสำคัญคือ Stellarons ภายในตัวคุณนี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อคนรอบข้างได้ ตัวอย่างเช่น Stellaron ทำให้เกิด Eternal Freeze ที่ครอบคลุม Jarilo-VI ทั้งหมดได้ ฉะนั้นคุณจะต้องค้นหาคำตอบว่าทำไมวัตถุที่ทรงพลังถึงอยู่ในตัวคุณ? และทำไมมันถึงอยู่ในตัวคุณและทำไมมันถึงไม่สามารถพกพาถือได้ปกติทั่วไป?
ระบบเกมเพลย์
เกมนี้อยู่ระหว่างแนวแอ็กชันผจญภัยกับการสำรวจโลกและเกมเล่นตามบทบาทแบบเทิร์นเบสที่ใคร ๆ ก็เรียกว่า jRPG และใช่ ฟังดูเหมือน Genshin Impact แต่มีความแตกต่างที่ใหญ่มากหลายประการด้วยกัน เช่น โลกในท้องถิ่นไม่ใช่ Teyvat ที่เปิดกว้างจาก Genshin ไม่มีโลกเปิดที่ราบรื่นเลย ภูมิภาคหลักแต่ละแห่งแบ่งออกเป็นสถานที่เล็กๆ หลายแห่งพร้อมดวงดาวย่อยๆ ให้สำรวจ และการ์ดจะรวมกับฝ่ายตรงข้าม สมบัติมากมายสามารถพบได้ที่นั่น พอร์ทัลที่ให้การเข้าถึงการทดสอบพิเศษและอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญคือระบบการต่อสู้ เนื่องจาก Genshin Impact นำเสนอแอ็คชั่นแบบเรียลไทม์พร้อมความสามารถในการสลับระหว่างฮีโร่ 4 ตัว แต่กลับกัน Star Rail นำเสนอการต่อสู้แบบเทิร์นเบสในรูปแบบของ “ฮีโร่ 4 ตัวต่อคู่ต่อสู้ 1-5 คน” โดยที่ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการตอบสนองของคุณมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและความสามารถในการจัดทีมอย่างถูกต้อง
ระบบการต่อสู้อาจดูเรียบง่ายมาก แต่นี่เป็นเพียงภาพรวมในครั้งแรกเท่านั้น การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างราบรื่นไม่มากก็น้อยสำหรับทั้งผู้ชื่นชอบการดุร้ายและผู้ที่ชื่นชอบการวางแผนและการวางกลยุทธ์
ซึ่งเมื่อถึงการต่อสู้ คุณจะต้องพบเข้ากับหน่วยศัตรูบนแผนที่โลกและตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมัน โดยคุณจะสามารถเลือกข้ามมันไปก็ได้หรือเลือกต่อสู้กับมัน หรือสามารถหยุดชั่วคราวก็ได้เพื่อดูจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เลือกฮีโร่ที่มีองค์ประกอบที่เหมาะสม และเริ่มการโจมตีเพื่อช่วยเหลือซึ่งสิ่งนี้จะให้โบนัสเล็กน้อยแต่น่าพอใจในตอนเริ่มต้นของการต่อสู้
นอกจากนี้ ตัวละครแต่ละตัวยังมีทักษะเฉพาะตัวที่ใช้ได้เฉพาะในแผนที่โลกเท่านั้น เช่น บางคนสามารถรักษาได้ บางคนใช้ดีบัฟต่าง ๆ กับฝ่ายตรงข้ามได้ และบางตัวละครสามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่เห็นเราได้เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น
ในการต่อสู้คุณต้องคำนึงถึงพารามิเตอร์มากมาย ตัวอย่างเช่น ความเปราะบางของฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าทีมของคุณจะไม่มีตัวละครที่เป็นธาตุไฟ แต่คุณก็ยังสร้างความเสียหายแก่ศัตรูด้วยช่องโหว่ที่สอดคล้องกันได้ แต่การทำให้ศัตรูตายด้วยการถอดแถบความแข็งแกร่งออก มีเพียงฮีโร่ที่มีทักษะการใช้ไฟเท่านั้นที่จะสามารถทำสำเร็จได้
และศัตรูที่สูญเสียความแข็งแกร่งจะไม่สามารถดำเนินการได้ในบางครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ขยับช้าลงและตัวเขาเองจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการ “ทำลาย” แถบเลือดของศัตรู คุณจะสามารถกำหนดเอฟเฟกต์บางอย่างให้กับเขาได้โดยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของทักษะนั้นๆ เช่น ฮีโร่ที่ลุกเป็นไฟจะจุดไฟเผาศัตรู ฮีโร่ที่มีพลังน้ำแข็งก็จะสามารถแช่ศัตรูได้ แต่ฮีโร่บางตัวก็จะสามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้ก็จะมีเอฟเฟคเลือกกระเด็นออกมา
ภาพกราฟิกภายในเกม
เมื่อพูดถึงกราฟิกและสไตล์ศิลปะของเกมเป็นการได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ศิลปะอนิเมะ 3 มิติ เป็นเรื่องปกติที่หลาย ๆ คนรู้จักกันโดยเฉพาะชุมชนอนิเมะว่า 3D และอนิเมะอาจจะไม่ได้น่าประทับใจนัก หลายครั้งที่อนิเมะพยายามผสมผสาน 3D เข้าด้วยกันแต่มันอาจจะไม่เข้ากันนัก แต่ในช่วงหลังๆ มานี้ เกมแนว JRPG หลายๆ เกมก็สามารถทำให้เห็นว่ามันสามารถดีได้
Star Rail ก็เป็นอนิเมะ 3D ที่คล้ายกับ Genshin Impact และสิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับตัวละครภายในเกมนี้คือสกิลและอัลติเมทของตัวละครทุกตัวมีอนิเมชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเหมาะกับบุคลิกและภูมิหลังของพวกเขาอย่างมาก
ซึ่งแตกต่างจากใน Genshin ที่ตัวละครที่อยู่ระดับ 5 เท่านั้นจะมีแอนิเมชัน Burst (Ultimate) พิเศษ แต่ใน Star Rail ตัวละครทั้งหมดมีแอนิเมชันพิเศษสำหรับ Ultimate แต่มีความแตกต่างสำหรับตัวละครระดับ 5 เนื่องจากมีความพิเศษกว่าเล็กน้อย และการมีสุดยอดอนิเมชั่นสำหรับทุกตัวละครทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขามีความเท่าเทียมกัน
และหลังจากที่ได้เล่นนั้นพบว่าเกมมีประสิทธิภาพที่ดีและราบรื่นมาก แม้ผมจะตั้งค่าภาพอยู่ที่ระดับสูง แต่มันราบรื่นอย่างน่าประทับใจ และไม่พบปัญหาเฟรมเรตตกหรือกระตุกหรือปัญหาอื่นใด ซึ่งกราฟิกทั้งเกมดูน่าทึ่ง แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือตัวเกมถูกล็อกไว้ที่ 60fps ดังนั้นแม้ว่าคุณจะเล่นด้วยการตั้งค่า fps สูงสุด แต่มันก็ยังให้เพียง 60fps เท่านั้น